ดวงใจรักมาเฟีย บทที่14 ***ทั้งตอน
ดวงใจรักมาเฟีย
บทที่14
CUT SCENE...{1}
“ทำแบบนี้
ถ้าพี่ทนไม่ไหวแบคจะมาร้องห้ามทีหลังไม่ได้นะ” ชานยอลเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบนุ่ม
ทั้งที่ใบหน้ายังคลอเคลียกันอยู่ไม่ห่าง
ปลายจมูกโด่งไล่สูดดมผิวแก้มหอมไปจนถึงขมับ และหยุดลงที่หน้าผากมน
กดจูบแผ่วเบาอ้อยอิ่ง
“นายชอบพูดถึงเรื่องความตาย
ฉันไม่ชอบ” แบคฮยอนบอกเสียงเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ
แต่ชานยอลได้ยินชัดทุกคำ หัวใจที่เคยตื่นกลัวการปฏิเสธดูมีความหวังขึ้นมาหลายเท่า
“เป็นห่วงพี่เหรอครับที่รัก”
แบคฮยอนก้มหน้าซุกลงกับซอกคอของคนตัวสูงทันทีที่ได้ยินคำว่า‘ที่รัก’ เขินจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
ชานยอลจึงเชยคางคนตัวเล็กให้เงยมาสบตากันอีกครั้ง
“ว่าไงครับ” คนตัวสูงเร่งเร้าด้วยเสียงแผ่วเบาเช่นเคย
“บอกพี่มาสิคนดี ว่าพี่สำคัญกับแบคไหม
แต่สำหรับพี่แบคสำคัญเหลือเกิน” ลูกอ้อนของมาเฟียตัวใหญ่คล้ายหมัดฮุกที่พุ่งเข้าใส่แบคฮยอนแบบเต็มๆ
จนคนตัวเล็กแทบจะไปต่อไม่เป็น พยายามจะก้มหน้าหลบสาบตาออดอ้อนแต่ก็ทำไม่ได้
ชานยอลเชยคางเขาเอาไว้แน่น ราวกับไม่อยากให้เขาหลบสายตา
“ฉันไม่รู้
ฉันรู้แต่ว่าฉันไม่อยากให้นายเป็นอะไร” แบคฮยอนเอ่ยเสียงเบาซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง
“และฉันอยากให้นายอยู่กับฉัน...แบบนี้ ตอนนี้”
ชานยอลยิ้มกว้างกระชับกอดแบคฮยอนแน่นอีกครั้ง
กดจูบเบาๆที่ปลายจมูกเชิด “แค่นี้พี่ก็ไม่ขออะไรแล้วล่ะ
แค่นี้ก็เกินที่พี่ฝันไว้แล้ว” แบคฮยอนยิ้มออกมากับอกของคนตัวสูง
ยกมือเรียวขึ้นไล้ไปตามแนวสันกรามที่มีไรหนวดเคราสากๆแผ่วเบา
ด้วยหัวใจที่เต้นอย่างห่วงหา
“ต่อไปนี้
นายจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉัน ปาร์ค ชานยอล” ใบหน้าเล็กอุ่นร้อน
พร้อมกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวัง รู้สึกโหยหาจูบแสนหวานของคนตรงหน้าเหลือเกินจูบที่ไม่เคยระราบระล้วง
ทะนุถนอมทุกสัมผัส แบคฮยอนชอบมันเข้าแล้วล่ะ
คนตัวเล็กสอดมือที่ท้ายทอยของชายหนุ่มตรงหน้า
ราวกับรู้ใจ ชานยอลกดริมฝีปากลงมาประทับรอยจูบอีกครั้ง
ไออุ่นจากผิวชายแข็งแกร่งแทบหลอมละลายร่างบางให้ละลายกลายเป็นขี้ผึ้งเหลว “แบค” ชานยอลเอ่ยชื่อคนตัวเล็กเบาๆทั้งที่ริมฝีปากยังคงคลอเคลียบดเบียดกันอยู่ไม่ห่าง
แบคฮยอนครางอื้อออกมาเป็นการตอบรับ สบตาคมด้วยแววตาหวานฉ่ำ “ที่รักของพี่”
คำหวานถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง
ใบหน้าเล็กแดงกล่ำด้วยอารมณ์ที่ร้อนขึ้นอีกเท่าตัว มือเล็กลากไล้ไปทั่วแผ่นหลังแกร่งแผ่วเบา
ความรู้สึกวาบหวิวพุ่งพล่านไปทั่วกาย ราวกับเลือดในกายสูบฉีดเป็นสองเท่า
เมื่อมือใหญ่ไล้คลึงไปตามแนวสะโพกกลมกลึงน่าหลงใหล
ความอดทนของชานยอลใกล้หมดลงเต็มที
และร่างกายของแบคฮยอนก็ตอบสนองทุกสัมผัสของเขาเป็นอย่างดี “พี่ต้องการแบค ต้องการมากเหลือเกิน”
ชานยอลผละอออกมามองตาเล็กที่ฉ่ำเยิ้ม
สายตาเชิญชวนถูกส่งออกมาเร้าอารมณ์ชายให้ลุกโชน ความอดทนของชานยอลขาดผึงทันที
คนตัวสูงก้มลงประกบปากบางอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้กลับเร่าร้อน ราวกับอารมณ์ที่ถูกกักเก็บมานานถูกระเบิดออก
เขารักแบคฮยอน รักเหลือเกิน ทั้งรักทั้งหลง และเขาทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
เสียงครางด้วยความพออกพอใจดังลอดลำคอเล็กมาอีกครั้ง
คนตัวเล็กไม่ขัดขืนแถมยังตอบสนองเขาดีทุกอย่าง
เลือดในกายของเขาจึงเต้นเร้ามากขึ้นไปอีก
ชานยอลละริมฝีกปากจากจูบแสนวาบหวิวลากริมฝีปากลงกับซอกคอหอมเนียนและนุ่ม
ดูดกลืนผิวเนื้อสะอาด แผ่วเบาและรุนแรงสลับกันไป
และทิ้งรอยสีกุหลาบเอาไว้อย่างจงใจ มือหนาลากไล้ไปทั่วตารางเมตร
คล้ายกับต้องการสำรวจและสัมผัสทุกสัดส่วนของร่างบาง
จากนั้นเสื้อเชิ้ตตัวบางของแบคฮยอนก็ถูกถอดออกไปอย่างรวดเร็ว
แผ่นอกขาวเปลือยเปล่าปรากฏแก่สายตา งดงามจนชานยอลเผลอจ้องอยู่นาน
จากนั้นเข้าก็จัดการกับเสื้อของตัวเอง
มือชายหนุ่มสั่นระริกยามเอื้อมไปสัมผัสแผ่นอกขาวที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวังการหายใจ
ตาคมเงยขึ้นสบดวงตาหวาน แบคฮยอนยังคงจองชานยอลด้วยสายตาที่ไม่ต่างไปจากเดิม
เชิญชวนและหลงใหล
คนตัวสูงจึงไม่รอช้า
ชายหนุ่มก้มลงดูดกลืนยอดอกสีน้ำตาลอ่อนๆอย่างใจเย็น
เขาไม่อยากทำให้แบคฮยอนหมดความประทับใจในครั้งแรก ปลายลิ้นหยอกล้อเชื่องช้า
และรัวเร็ว สลับกันไปจนคนใต้ร่างครางไม่เป็นภาษา มือเล็กกำผ้าห่มแน่น
ชานยอลจึงเอามันขึ้นมาวางบนไหล่ของเขาแทน
ราวกับได้ของเล่นใหม่ มือเล็กที่ไม่ประสีประสา
ขยับเลื่อนไล้ไปตามแนวลาดไหล่ ให้อารมณ์ที่จวนจะระเบิดของชานยอลคุกรุนมากขึ้นไปอีก
ริมฝีปากชายหนุ่มลากไล้ลงมาที่หน้าท้องเปลือยเปล่า
สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับร่างบางได้เป็นอย่างดี
“อืม..”
เสียงครางเย้ายวนใจที่ดังลอดเข้ามาในหูสร้างความมั่นใจให้ชานยอลมากเป็นเท่าตัว
ว่าคนตัวเล็กพึงพอใจในสัมผัสของเขามาแค่ไหน
มือเล็กๆจิกเบาๆบนเส้นผมของชานยอลเชิดหน้าขึ้นซูดปาก
เมื่อถูกคนตัวสูงดูดกลืนผิวเนื้อเนียน
เขาไม่รู้ว่าร่างกายแบคฮยอนพร้อมหรือยัง
แต่เขาแทบจะหยุดตัวเองเอาไว้ไม่ได้แล้ว กางเกงตัวบางถูกพรากออกไปจากเอวเล็ก
พร้อมกับชั้นในที่แสนเกะกะ ทิ้งไว้เพียงความงดงามเปลือยเปล่า
ชานยอลใจเต้นแทบจะระเบิด คนตัวสูงทาบทับกายสูงใหญ่ลงกับความบอบบางใต้ร่าง
กดจูบย้ำๆบนริมฝีปากน่าหลงใหลสีชมพูระเรื่อ
แบคฮยอนจับใบหน้าของชานยอลไว้และจูบตอบอย่างเร่าร้อน
จนร่างกายชายหนุ่มทนต่อความต้องการไม่ไหวอีกต่อไป
กางเกงที่เกาะเกี่ยวเอวสอบเอาไว้ถูกกระชากออกไปอย่างรวดเร็ว
ชานยอลผุดลุกขึ้นจับเรียวขาเล็กแยกออก
ดึงขาเรียวข้างหนึ่งมาเกี่ยวกับเอวแกร่ง และค่อยๆประสานร่างกายทั้งสองเข้าด้วยกัน
แต่เหมือนจะไม่ง่ายดายเลยสักนิด
เมื่อความคับแน่นตอดรัดจนชานยอลต้องกัดฟันแน่นเพราะความรู้สึกที่แทบระเบิด
แต่ต้องอดกลั้นมันเอาไว้แล้วถึงเป้าหมายไปพร้อมกัน
แบคฮยอนผวาเฮือกเมื่อความเป็นชายได้ถูกสอดประสานเข้ามา
ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วทุกโสดประสาท น้ำตาหยดใสค่อยๆไหลร่วงลงจากห่างตา
คนตัวเล็กกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น มองตาชานยอลด้วยแววตาเว้าวอน
ชานยอลหยุดทุกการกระทำ
ก้มลงจูบซับขมับของคนตัวเล็กอย่างปลอบโยน ความคับแน่นตอดรัดจนเขาทนแทบทนไม่ไหวที่จะขับเคลื่อนจังหวะรักไปข้างหน้า
แต่เขาต้องใจเย็นไม่ฉะนั้นแบคฮยอนจะเจ็บปวดกับการกระทำของเขา
“คนดีของพี่ อย่าเกร็งนะครับ”ชานยอลกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูเล็ก ก้มจูบและลากไล้ที่ซอกคอขาว
ปลายนิ้วโป้งของเขาขยับหยอกล้อกับยอดอกของคนตัวเล็กแผ่วเบา
ความรู้สึกซ่านแผ่ไปทั่วร่างกายบอบบาง แบคฮยอนครางออกมาเบาๆ ชานยอลอาศัยจังหวะนี้
ขับเคลื่อนบทรักไปข้างหน้าอย่างใจเย็น และสุดท้ายมันก็ไปได้จนสุดทาง
ชานยอลหยุดไว้เพียงเท่านั้นก่อนก้มลงจูบซับริมฝีปากบางอีกครั้งอย่างอ้อยอิ่ง
และค่อยๆขยับตัวช้าๆพร้อมยิ้มหวานส่งให้คนตัวเล็ก
เริ่มจากการขยับไหวที่อ่อนโยนค่อยๆทวีความเร็วขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งพล่านของคนทั้งคู่
เขาค่อยๆจับจูงแบคฮยอนล่อยลองขึ้นบนสวรรค์ มือหนาบีบเคล้นสะโพกอวบอิ่ม
จนคนตัวเล็กครางออกมาอย่างรัญจวน
“อื้อ” ภาพแบคฮยอนกัดริมฝีปาก
หลับตาพริ้มแน่น
เนื้อตัวแดงไปทั้งร่างกระตุ้นอารมณ์หวามให้พุ่งทะยานไปอีกเท่าทวีคูณ
จนคนตัวสูงทนไม่ไหวครางเสียงทุ้มออกมา
เสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะถี่กระชั้น
อ่อนโยนสลับเร่าร้อนปะปนกันไป
ชานยอลเชิดหน้าขึ้นกัดฟันข่มความต้องการที่จะปลดปล่อยเพื่อที่จะได้ให้เขาและแบคฮยอนได้สุขสมไปพร้อมๆกัน
มือหนาเอื้อมไปสอดประสานกับมือเล็กที่ชื่นไปด้วยเหงื่อ สวรรค์ลอยเด่นอยู่รำไร
จังหวะรักถูกเร่งขึ้น ผนังด้านในตอดรัดจนชานยอลไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว
ร่างทั้งสองกระตุกเกร็ง ปลดปล่อยความร้อนรุ่มอัดอั้นออกมา
ชานยอลทิ้งตัวลงนอนทาบทับกับร่างเล็ก ที่หมดแรงไปพร้อมกับเขา กระชับอ้อมกอดแน่น
กดจูบลงบนขมับที่ชื้นไปด้วยเหงื่อแผ่วเบา
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
แบคฮยอนเป็นของเขาแล้ว เป็นของปาร์ค ชานยอล ทั้งทางพฤตินัย และนิตินัย
เป็นของปาร์ค ชานยอลคนเดียว
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตาชานยอล
คลี่รอยยิ้มหวานส่งให้ กดจูบที่ไหล่หนาแผ่วเบา จนชานยอลอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบกลับไป
งับปลายจมูกเล็กเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
ลมที่พัดโหมเย็นเยือกไม่สามารถทำให้ความอบอุ่นจากเรือนกายเปลือยเปล่าที่แนบกันสนิทลดลงได้เลย
แบคฮยอนยิ้มบางๆอีกครั้ง
ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้ชานยอลแทบลืมหายใจ ประโยคที่อยากฟังมาตลอด “นายคือคนที่สำคัญ..ในชีวิตของฉัน”
ชานยอลยิ้มกว้าง กระชับกอดแบคฮยอนแน่น เอิบอิ่มไปทั้งกายและใจ
ราวกับได้กินอาหารทิพย์จากสวรรค์ สุขจนแทบสำลัก
แบคฮยอนซุกตัวกับอกแกร่งก่อนค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆอย่างเหนื่อยอ่อนและหลับใหลไปในที่สุด
ชานยอลก็เช่นกัน
อย่างที่เขาเคยพูดเอาไว้
ต่อให้พรุ่งนี้เขาต้องตาย เขาก็ไม่เสียดายชีวิตแล้วล่ะ
ชานยอลกระชับผ้าห่มมาคุมกายของทั้งสอง
กดจูบแผ่วเบาที่เปลือกตางดงาม
ความเหนื่อยอ่อนทำให้ร่างสูงจมสู้ห้วงนิทราตามแบคฮยอนไปอย่างสุขหัวใจ
....
“เรียบร้อยไหมวะ” อาหวังเอ่ยถามเฉินที่เดินกลับเข้ามาที่ห้องพักอย่างลุ้นๆ
สายตาคมจับจ้องเฉินนิ่งอย่างรอคอยคำตอบ
“เกินที่คาดหมายไว้” เฉินตอบและยิ้มกว้างออกมา “ไม่คิดว่าจะมาถึงขั้นนี้
อาจเป็นเพราะเรื่องคุณเซฮุนด้วยทำให้คุณหนูของนายยอมเปิดใจ ฉันหวังว่าทุกอย่างจะลงเอยด้วยดีเหมือนวันนี้”
เรื่องที่เซฮุนถูกลอบตัดสายเบรกรถจนบาดเจ็บสาหัสอาจทำให้แบคฮยอนเปิดใจ
และเลิกปิดกั้นตัวเอง เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะส่งผลขนาดนี้
แต่เมื่อเทาโทรมาบอกเขาว่าเซฮุนได้รับอุบัติเหตุเขาก็รีบไปบอกชานยอล
และนี่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่กล้าที่จะเปิดใจเข้าหากัน
อาหวังยิ้มกว้างเช่นกัน
โดยที่ไม่รู้เลยว่าเฉินยังคงกังวลอยู่ เรื่องวันนี้ผ่านด้วยดี
แล้วถ้าไอ้จงอินกลับมาล่ะ พันธะครั้งนี้จะรั้งคุณแบคฮยอนเอาไว้ครับคุณปาร์คได้ไหม
เขาคาดอะไรไม่ถูกเลย แต่อย่างน้อยทั้งสองก็ผูกพันกัน ทั้งร่างกาย และอาจรวมถึงจิตใจไปด้วยแล้วก็ได้
ตอนที่เขาขึ้นไปเห็นทั้งสองนอนกอดกันในสภาพเปลือยเปล่า
เขาแทบจะกระโดดด้วยความดีใจ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องจงอินที่ไร
หัวใจเขาก็เหมือนลูกโป่งที่ถูกเป่าลมให้พองสวย
แต่สุดท้ายก็มีมือดีเอาเข็มมาจิ้มจนมันเหี่ยวแฟบไป
ก็ขอให้มันจบลงด้วยความสุขก็แล้วกันนะ..
ต่อค่ะ....................................
ต่อค่ะ....................................
ปูซาน..
ดวงตาคมทอดมองไปยังน้ำตกใสที่ไหลลาดลงมาจากเนินหน้าผาสูง
ลดหลั่นลงมาเป็นชั้นสวยงามราวกับภาพวาด
แสงแดดอ่อนๆยามสายส่องลอดแมกไม้สลับซับซ้อนลงมากระทบกับสายน้ำกระเซ็นเป็นประกายสดใส
สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ปอดอย่างสดชื่น
ก่อนจะได้ยินเสียงใบไม่ดังกรอบแกรบดังมากจากด้านหลังชายหนุ่มจึงหันไปมอง
หญิงสาวน่าตาน่ารักยืนถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยผ้ายืนอยู่ไม่ไกล
สาวเจ้าส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้ด้วยท่าทางเอียงอายเล็กน้อย
ผิวแก้มนวลใสสุกปลั่งด้วยริ้วสีแดง
“เอ่อ..คุณมานั่งทำอะไรตรงนี้หรอจ้ะ”
เสียงหวานถูกเอ่ยออกมาอย่างเป็นมิตร
พลางสาวท้าวเดินเข้ามาใกล้อย่างกล้าๆกลัวๆ จงอินเห็นดังนั้นจึงยกยิ้มบางๆให้
“มานั่งเล่นน่ะ แล้วเธอ...” ชายหนุ่มเว้นวรรคเสียงคล้ายกับเอ่ยถามชื่อของหญิงสาวที่ค่อยๆย่อตัวนั่งลงข้างกาย
“เอ่อ ฉันชื่อฮายองจ่ะ” ฮายองเอ่ยตอบด้วยเสียงสั่นๆ พร้อมก้มหน้างุดอย่างเอียงอาย “ฉันเคยเห็นคุณอยู่กับคยองซู เอ่อ..คุณมาจากไหนหรอจ้ะ”
“เอ่อ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
คยองซูไปเจอฉันสลบอยู่เลยช่วยมาพอตื่นมาฉันก็จำอะไรไม่ได้” จงอินเอยตอบให้หญิงสาวข้างตัวหายสงสัย
“จริงหรอจ้ะ
แปลว่าคุณความจำเสื่อมหรอ” ฮายองตาโต เอามือปิดปากตกใจ
จงอินจึงหันมายิ้มให้เป็นเชิงว่าเขาความจำเสื่อมจริงๆ
“แล้วอย่างนี้
คุณก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร งั้นหรอจ้ะ” หญิงสาวถามต่อด้วยความสงสัย
“ก็ประมาณนั้น” ไคตอบสั้นๆ
“แล้วชื่อของคุณล่ะจ้ะ”
“ไค คยองซูเรียกฉันว่าไค” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้ม
คิดถึงหน้าคนตัวเล็กแล้วทำให้เขายิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ คนตัวเล็กที่น่ารัก คิดมาก
แล้วก็ใจดีที่สุด
….
เท้าเล็กเดินเอื่อยๆมาที่กระท่อมท้ายหมูบ้าน
ตั้งใจจะมาหาคนที่พักอยู่ที่นี่ แต่มาถึงกลับไม่พบใคร คิ้วเรียวขมวดมุ่นจนหัวคิ้วแทบชนกัน
ปากเล็กตะโกนเรียกคนตัวสูงเสียงดังแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
คยองซูจึงเดินเรียบลำธารเพื่อจะไปดูที่น้ำตก เพราะไคชอบว่ายน้ำเอามากๆ
คนตัวสูงน่าจะอยู่ที่นั่น
เดินมาไม่นานเห็นกลุ่มหญิงสาวสี่ห้าคนยืนทำท่าลับๆล่อๆกันอยู่แถวโขดหิน
ผู้ชายตัวเล็กเกิดความสงสัยจึงเดินเข้าไปถามเสียงดัง
“พวกเธอทำอะไรกัน” หญิงสาวห้าคนหันกลับมามองคยองซูอย่างตกใจ
รีบตะคลุบปากของผู้ชายตัวเล็กไว้ทันที
“เงียบๆสิคยองซู
เรากำลังลุ้นกันอยู่” โชรง
สาวที่โตที่สุดในกลุ่มเอ่ยออกมาด้วยเสียงติดจะดุนิดหน่อยและยังเป็นคนที่เอามือปิดปากคยองซูไว้ด้วย
ชายตัวเล็กยกมือยอมแพ้
สาวเจ้าจึงปล่อยมือออกจากปากของเขา
คยองซูทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ดีว่าสาวๆมุงแอบดูอะไรกัน
“นี่พวกเธอดูแอบดูอะไรกัน
แอบดูผู้ชายอาบน้ำหรอ” คยองซูถามอย่างนึกขันในใจ
สาวๆพวกนี้แก่แดดจริงๆ
“เรากำลังช่วยฮายองลุ้นตั้งหาก”
นาอึนสาวที่สวยที่สุดในหมู่บ้านเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้น
นั่นยิ่งให้คยองซูงงกว่าเดิมเข้าไปอีก
“ก็ฮายองแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอยู่
เราเลยให้เธอเข้าไปคุยกับเขา” โบมีสาวน่ารักขี้เล่นแก้ข้อสงสัยให้คยองซูกระจ่างมากขึ้น
“ไหนผู้ชายคนไหนที่ฮายองชอบ”
คยองซูตื่นเต้นตามรีบชะเง้อคอมองผ่านโขดหินใหญ่ไปเห็นแผ่นหลังของชายหญิงคู่หนึ่งนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน
คยองซูจำแผ่นหลังกว้างๆนั่นได้ดี
“ไค” คนตัวเล็กหลุดปากพูดชื่อบุคคลเจ้าของแผ่นหลังกว้างออกมาแผ่วเบา
ดวงตาเล็กจับจ้องที่แผ่นหลังนั้นนิ่งๆอย่างนึกอะไรไม่ออก
ในใจมันร้อนรุ่มจะแทบจะระเบิด น้ำตาก็พาลจะไหล ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก
“เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ
คนๆนั้นชอบไปไหนมาไหนกับนายนี่ นายช่วยฮายองหน่อยสิ น้องของเราจะได้สมหวัง”
นัมจูสาวสวยใจกล้าเอ่ยออกมาด้วยเสียงสดใส
ผู้ชายตัวเล็กคนเดียวในที่นั้นยืนนิ่ง
สมองของเขาไม่สามารถประมวลผลอะไรได้อีกแล้วหลังจากเห็นคนที่ตัวเองหวงที่สุดนั่งหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับสาวสวย
“นี่คยองซูนายเป็นอะไรไป
ได้ยินที่ฉันพูดไหมเนี่ย” นัมจูสะกิดบ่าเล็กเมื่อเห็นว่าคยองซูเงียบไป
“เอ่อ..ได้สิ
เดี๋ยวคยองช่วยพูดกับไคให้ สบายมาก” คยองซูปั้นหน้าปกติแล้วยิ้มให้สาวๆอย่างแจ่มใส
เก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้
ไคคงชอบผู้หญิงสวยๆ
ไม่ชอบเราหรอก ที่เขาทำดีกับเราเพราะเราช่วยชีวิตเขาไว้ก็เท่านั้น
ในใจดวงน้อยกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่ตัวเองคิด
“นายแน่ใจหรอคยองซู
ว่านายจะไม่ลำบากใจ” อึนจีสาวห้าวพูดน้อย
แต่ฉลาดที่สุดเอ่ยออกมา พลางยกสายตาคมเกินผู้หญิงสบตาคยองซู “มันอาจทำให้นายเจ็บปวดนะ”
คยองซูสะดุดกับคำพูดของอึนจี
เขามองหน้าสาวห้าวแต่สวยไม่เบาอย่างตกใจ
สุดท้ายเขาก็ต้องรีบเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติแล้วส่งยิ้มฟืดๆไปให้เจ้าหล่อน
“เห้ย เจ็บปวดอะไร บ้าหรือไง”
คนตัวเล็กพยายามกลบเกลื่อน ผู้หญิงคนนี้รู้อะไร
ทำไมถึงพูดแบบนี้คยองซูได้แต่แอบคิดในใจ
“ใช่ เธอพูดอะไรของเธออึนจี
คยองซูสนิทกับไคจะตาย คยองซูต้องช่วยฮายองได้อยู่แล้ว” โชรงเอ่ยออกมาพลางมองอึนจีอย่างต้องการคำตอบ
“หึ
ถ้าผู้ชายเขามีใครในหัวใจอยู่แล้ว
ต่อให้คยองซูช่วยพูดแค่ไหนเขาก็ไม่ชอบน้องเราหรอก” อึนจีพูดพลางหันหลังเดินออกไปจากบริเวณนั้น
ทิ้งไว้เพียงปริศนาในคำพูดเท่านั้นที่ทำให้ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตกไปตามๆกัน
ไม่เว้นแม้แต่คยองซู
“ยายคนนี้ชอบพูดอะไรที่เข้าใจยาก
อย่าไปสนเลยคยองซู นายรับปากแล้วนะว่าจะช่วยฮายอง” นาอึนหันมาพูดกับคยองซูอีกครั้ง
หนุ่มน้อยจึงพยักหน้าเบาๆสองสามที่เป็นเชิงตกลง
ทั้งที่ในหัวใจของเขาตอนนี้กำลังสับสน
เจ็บปวด ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายมันบีบแน่นราวกับมีใครเอามือมาบีบมันไว้
ดวงตาเล็กมองไปที่แผ่นหลังของหญิงสาวและชายหนุ่มอีกครั้ง
สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
ฮ่องกง..
หลังจากกลับมาจากอิตาลี มาเฟียหนุ่มกับภรรยาตัวน้อยก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจนคนในคฤหสน์ปาร์คสังเกตได้ บอร์ดีการ์ดทุกคนไม่เว้นแต่แม่บ้านลีต่างก็แอบกระซิบถามเฉินและอาหวังด้วยคำถามเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้นที่อิตาลี ถึงทำให้สองคนนี้ดูเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ แต่มีเหรอที่เฉินกับอาหวังจะบอก เขาบอกคนอื่นๆเพียงว่าเขาจะเก็บไว้ฟินกันสองคน
จากที่เมื่อก่อนมาเฟียหนุ่มจะออกไปทำงานแต่เช้า
ส่วนภรรยาตัวน้อยจะนอนตื่นสายและลงมาทานข้าวคนเดียวแต่พอหลังกลับมาจากอิตาลี
แบคฮยอนตื่นเช้าและลงมาทานอาหารเช้ากับชานยอลทุกวัน บางวันก็ชงกาแฟให้ด้วยตัวเอง
เรียกรอยยิ้มสดใสให้มาเฟียหนุ่มเป็นอย่างดี
บอร์ดีการ์ดหรือเด็กๆในบ้านทุกคนคิดว่า
เขาไม่เคนเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเจ้านายมาก่อนเลย แต่เมื่อมีคุณแบคฮยอนเข้ามา ทำให้เขาได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
มาเฟียหนุ่มทานอาหารเช้าทั้งที่ไม่เคยทาน
บางวันก็ลงทุนกลับมาทานข้าวกลางวันที่บ้านแล้วกลับไปทำงานต่อที่บริษัท
วันไหนมีงานเลี้ยงหรือต้องกลับบ้านช้าก็จะโทรมาบอกก่อนว่าให้ตั้งโต๊ะให้แบคฮยอนคนเดียว
หรือไม่ก็มารับแบคฮยอนให้ไปงานด้วยกัน
และเช่นวันนี้...
“ชานยอลอ่า.. นายจะผูกเนคไทสีอะไร”
คนตัวเล็กชะเง้อคอเลือกเนคไททีเรียงลายอยู่ในตู้ช้าๆ
พลางกัดเล็บตัวเองอย่างใช้ความคิด
ความน่ารักน่าชังแบบนั้นทำให้มาเฟียหนุ่มอดไม่ได้ที่เดินไปสวมกอดร่างเล็กจากข้างหลัง
แล้วหอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่
“สีอะไรก็ได้ครับ ถ้าแบคผูกให้”
ชานยอลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นปนอ้อน
แขนยาวยังคงกอดเกี่ยวเอวบางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
พลางระดมจูบซอกคอขาวๆจากด้านหลังหลายที จนแบคฮยอนต้องเบี่ยงคอหลบ
“นี่หยุดก่อน
พอยอมให้หน่อยลามกใหญ่แล้วนะ” คนตัวเล็กดุเสียงเข้ม
แต่ไม่ได้มีความน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย ชานยอลจึงหัวเราะเบาๆออกมา
ไม่เชื่อฟังคำพูดของภรรยาตัวเล็กแถมก้มลงสูดกลิ่นหอมจากเส้นผมนุ่มลื่นอีกหลายที
“ชานยอล..ฉันบอกให้หยุดไง
มานี่ฉันเลือกเนคไทได้แล้ว” คนตัวเล็กหยิบเนคไทมาหนึ่งเส้น
หันหน้ามาสบตากับมาเฟียหนุ่ม ยิ้มหวานให้อย่างน่ารัก แล้วจึงค่อยๆผูกเนคไทให้สามีตัวสูงอย่างเบามือ
ชานยอลจ้องคนตรงหน้านิ่งด้วยแววตาที่หลงใหล
ไม่เคยต่างจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย เมื่อก่อนเคยหลงยังไง
ตอนนี้ก็ยังหลงอยู่แบบนั้น เผลอๆหลงมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
จับกินตอนเช้าสักทีดีไหมเนี่ย!
ความคิดลามกผุดขึ้นมาในสมองของคนตัวสูง
ชานยอลกระชับกอดเอวเล็กแน่นขึ้นจนลำตัวแนบชิดกัน
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนตัวสูง
แต่นั่นเหมือนเปิดโอกาสให้ชานยอลก้มลงมาฉกเอาความหวานของริมฝีปากบางไปได้โดยง่าย
มือที่กำลังผูกเนคไทชะงักเมื่อริมฝีปากถูกครอบครอง
เผยอปากรับสัมผัสหวานเชื่องช้าของคุณสามีบดเบียดหยอกเย้า
และทะนุถนอมไม่เปลี่ยนแปลง
มือเล็กทุบอกแกร่งเพื่อประท้วงเมื่อจะไม่เหลืออากาศให้หายใจ
ทำให้ชานยอลต้องละริมฝีปากออกอย่างเสียดาย และคนตัวสูงก็อดใจไม่ไหว
ก็จูบย้ำๆบนริมฝีปากเล็กอีหลายที
“พอแล้วน่า หื่นแต่เช้าเลย
เมื่อคืนยังไม่พออีกหรือไง” คนตัวเล็กแหวใส่ชานยอลด้วยใบหน้าแดกกล่ำ
เจ้าพ่อตัวสูงจึงละใบหน้าหล่อเหลาออกมามองใบหน้าเล็กที่แดงซ่านของแบคฮยอนอย่างเจ้าเล่ห์
“สำหรับแบค
เท่าไรพี่ก็ไม่พอหรอกครับ” ชานยอลก้มไปกระซิบด้วยเสียงแหบทุ้มที่ข้างใบหูเล็ก
ทำให้แบคฮยอนหน้าแดงมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก
มือเรียวอดไม่ได้ที่จะทุบที่หน้าอกแกร่งไปอีกที
“เดี๋ยวนี้ชักเจ้าเล่ห์เหมือนพี่เซฮุนขึ้นทุกๆวันแล้วนะ”
แบคฮยอนมองค้อนสามีอย่างไม่จริงจังนัก แล้วลงมือผูกเนคไทต่อจนเสร็จ
แต่มือไม้ก็สั่นไปหมดเมื่อระหว่างที่ผูกเนคไทมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
“พี่ทำแบบนี้กับแบคแค่คนเดียวนะครับ”
คนตัวสูงยังคงเอ่ยคำพูดที่ทำลายล้างสติของแบคฮยอนออกมาอย่างต่อเนื่อง
แบคฮยอนส่งค้อนน้อยๆไปให้เจ้าพ่อปากหวานอยากนึกหมั่นไส้
“พูดถึงพี่เซฮุน
ตอนนี้เป็นไงบ้างก็ไม่รู้นะ ตั้งแต่ไปเยี่ยมตอนกลับมาจากอิตาลีก็ไม่ได้ไปเยี่ยมอีกเลย”
พูดไปก็จัดเสื้อผ้าให้ชานยอลไปด้วย
“ก็ดีขึ้นมาแล้วกลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้วล่ะ
เดี๋ยวถ้าพี่ว่างเราไปเยี่ยมเซฮุนกันดีไหม” ชานยอลเอ่ยกับภรรยาด้วยเสียงอบอุ่น
“งั้นวันนี้นายก็รีบไปทำงาน
จะได้รีบกลับมาเร็วๆ เราจะได้ไปเยี่ยมพี่เซฮุนกัน” แบคฮยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส
พลางดันหลังชานยอลให้รีบไปทำงานเร็วๆ
“อยากให้พี่กลับบ้านเร็วๆเพราะคิดถึงพี่ก็บอกสิครับ
ไม่เห็นต้องเอาเรื่องเซฮุนมาอ้างเลย” ชานยอลหันมาพูดกับภรรยาตัวน้อยด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
แล้วสบตาเล็กด้วยแววตากรุ้มกริ่มจนแบคฮยอนอดไม่ได้ที่ฟาดไหล่หนาไปเสียเพี๊ยะใหญ่
เพราะทนต่อความเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้าไม่ไหว
ที่เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้
พอยอมเข้าหน่อยแล้วเอาใหญ่ !! อย่างนี้ต้องสั่งสอนซะหน่อยแล้วจะได้หลาบจำ
แบคฮยอนผลักมือปลาหมึกที่กอดเกี่ยวตัวเองออก
แล้วกอดอกมองหน้าสามีด้วยแววตาจริงจัง “ย่าห์ ไปทำงานได้แล้ว ไม่งั้นคืนนี้นอนแยกห้อง”
ชานยอลตาโตทันทีที่ได้ยินคำว่านอนแยกห้อง
คนตัวสูงยกมือยอมพ่ายแพ้อย่างราบคาบเพราะหากให้เขานอนคนเดียวตอนนี้เขาคงทำไม่ได้แล้วล่ะ
ถ้าไม่ได้กอดเมียมันนอนไม่หลับ!
ต่อค่ะ________________
ต่อค่ะ________________
ปูซาน..
ร่างกายเล็กพลิกตัวไปมาใต้ผ้าห่มผืนบาง
อากาศร้อนอบอ้าวทำให้มือเล็กปัดป่ายเอาผ้าห่มออกห่างตัว
แต่แม้อากาศภายนอกจะร้อนเพียงใด ก็ไม่เท่าอากาศภายในหัวใจที่ระอุประทุรุนแรงในตอนนี้
คยองซูนอนพลิกไปมาแบบนี้มาตั้งแต่หัวค่ำ แต่คนตัวเล็กไม่มีทีท่าว่าจะนอนหลับได้เลย
ในเมื่อหัวใจดวงน้อยยังคงร้อนรุ่ม
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
นึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันทีไร น้ำตาเจ้ากรรมก็พาลจะไหลออกมาทุกทีไป
ความรู้สึกของเขาตอนนี้เหมือนคนป่วยใกล้จะตายเสียให้ได้
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกเหี่ยวเฉาขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
เป็นอะไรไปนะคยอง
ตั้งสติสิ ตั้งสติ!!
ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้องจนทนไม่ไหว
กายเล็กผุดลุกขึ้นนั่ง ปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นที่ขมับ
ก่อนจะลุกออกจากห้องนอนของตัวเองไป หยิบขันตักน้ำล้างหน้าลวกๆ
แล้วลงจาเรือนเดินฝ่าความมืดไปยังท้ายหมู่บ้าน
เอาวะ!! เป็นไงเป็นกัน.
หากเป็นเมื่อก่อนคนตัวเล็กคงกลัวและไม่มีความกล้าพอที่จะออกมาเดินในเวลากลางคืนแบบนี้
แต่ตอนนี้เขาคิดว่าถ้าเขาไม่ออกมา เขากลัวว่าหัวใจของเขาจะปริแตกไปเสียก่อน
เท้าเล็กหยุดลงที่หน้าบันไดกระท่อมหลังน้อยอันเป็นที่พักของคนที่เป็นต้นเหตุให้หัวใจของเขาแทบระเบิดตอนนี้
ขาเรียวก้าวช้าๆขึ้นไปบนกระท่อม
ในใจกล้าๆกลัวๆกับการมาครั้งนี้ หัวใจของคนตัวเล็กเต้นอย่างตื่นกลัว
และหวาดหวั่นอยู่ทุกก้าวที่เดินออกไป สุดท้ายก็ทำใจไม่ได้ ทำทีว่าจะหันหลังกลับ
ประตูกระท่อมเปิดพลั่วออกมาพอดี ทำให้คนตัวเล็กตกใจจนแทบหงายหลัง
แต่ดีที่มีแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมารับเอาไว้เสียก่อน
“คยองซู
มีอะไรหรือเปล่าทำไมมาซะดึกดื่น” จงอินค่อยๆละวงแขนออกจากกายเล็ก
และเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
คนตัวเล็กได้แต่อ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะพูดอย่างไร
“เอ่อ..คือ..คยอง...”
ฟันเล็กขบริมฝีปากล่างแน่น ไม่รู้จะเอ่ยออกมาอย่างไรดี
เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงนี้เพราะอะไร
“เอาอีกแล้วสินะ มีอะไรพูดมาตรงๆเลย”
จงอินยกแขนขึ้นกอดอกจ้องมองใบหน้าเล็กนิ่งอย่างต้องการจะคาดคั้นเอาความจริงจากปากเล็ก
แต่คยองซูก็ยังคงก้มหน้านิ่งไม่เอ่ยออกมาสักที
จงอินจึงเดินเข้าไปประชิดตัวคนตัวเล็ก
จับไหล่บางแล้วจ้องนิ่ง “ถ้านายไม่พูด
ฉันจะจูบนายตรงนี้” คนตัวสูงขู่
คยองซูสะดุ้งเล็กน้อยกับคำว่าจูบ หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วรัวจะแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอก
คนที่เคยปากกล้า กล้าหาญ
ตอนนี้หายไปไหนแล้วละคยองซู ทำไมถึงกลัวคนตรงหน้านี้นักหนา!
“จะไม่พูดใช่ไหม” คนตัวสูงกระชากร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดทันที
ก้มหน้าลงมาชิดเตรียมจะประกบปากจุมพิตตามที่ขู่เอาไว้
แต่มือเล็กดันใบหน้าคมหล่อเหลานั่นเอาไว้ซะก่อน
“พูดแล้วๆๆ” คยองซูร้องออกมาเสียงดังอย่างตกใจ
ผลักร่างสูงออกห่างจากตัวแล้วค่อยๆเอ่ยออกมาแผ่วเบา “นาย..ชอบฮายองไหม?”
“ฮายอง..อ๋อ
ฮายองที่มีพี่สาวห้าคนนั่นน่ะนะ” จงอินเอ่ยออกมาเมื่อจำได้
หญิงสาวที่คุยกับเขาเมื่อกลางวัน เขาจำได้ว่าเธอเล่าให้เขาฟังว่ามีพี่สาวมากถึงห้าคน
“อืม น่ะ..นั่นแหละ
นายชอบเธอหรือเปล่า” คยองซูถามเสียงสั่น
จงอินจึงจับความผิดปกติในเสียงนั้นได้ สายตาคมจ้องหน้าคนตัวเล็กอย่างประเมิน
ขายาวก้าวไปมาเดินวนกายเล็กด้วยท่าทางใช้ความคิด
“เธอก็น่าสนใจดีนะ น่ารักสดใสดี”
จงอินเอ่ยออกมาราวกับจะแกล้งให้คนตัวเล็กประสาทเสียและแสดงความหึงหวงออกมา
แต่เขาคิดผิด คำพูดนั้นทำให้คนตัวเล็กแทบทรุดไปเลยทีเดียว
“งะ งั้นหรอ กะ ก็ดี
ฮายองเขาก็..ชอบนายนะ” คยองซูทนต่อความรู้สึกตัวเองไม่ไหว
ความรักทำให้เขาอ่อนแอมาก น้ำตาที่กลั้นไว้ก็พาลจะไหล
ในเมื่อได้ยินสิ่งที่คาในใจแล้วก็หมุนตัวจะกลับบ้าน ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าไค
จงอินอึ้งไปเมื่อสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นไปตามแผน
มือหนากำลังจะเอื้อมไปคว้าแขนเล็กเอาไว้ แต่ไม่ทัน
คยองซูวิ่งลงจากกระท่อมของเขาไปซะแล้ว
“บ้าเอ้ย” จงอินสบถออกอมาอย่างหัวเสีย
วิ่งตามคนตัวเล็กไปทันที
ราวกับสวรรค์กลั่นแกล้ง
ฝนห่าใหญ่ตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว คยองซูเร่งเท้าที่เดินอยู่ให้ไวขึ้นจนแทบจะเป็นวิ่ง
น้ำตาหยดใสไหลลงมาอาบแกล้มนวล
เดินมาได้ครึ่งทางก็ถูกกระชากจากข้างหลังจนปะทะเข้ากับอกแกร่งของใครบางคน
“ไค ตะ..ตามมาทำไม” คยองซูเอ่ยเสียงสั่น จงอินกอดร่างบางไว้แน่น
ก่อนจะช้อนคนตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแล้วพาเดินกลับกระท่อมของตัวเองอีกครั้ง
ยังไงวันนี้ก็ต้องเคลียกันให้รู้เรื่องก่อน!
“ไค ปล่อยคยองเดี๋ยวนี้นะ” เมื่อรับรู้ได้ถึงการกระทำที่ไม่เข้าท่านักคยองซูก็อดไม่ได้ที่จะตวาดออกมามองใบหน้าหล่อเหลาที่ห่างไม่ถึงคืบอย่างน้อยอกน้อยใจ
“ร้องไห้ทำไม” ประโยคสั้นๆหลุดออกมาจากปากของคนตัวสูงทำเอาคยองซูหน้าถอดสี
นี่ขนาดมีสายฝนคอยอำพรางน้ำตาให้แล้วไคยังรู้อีกว่าคยองซูร้องไห้อยู่
แต่มีหรือคนตัวเล็กจะยอมให้คนตัวสูงรับรู้
“มะ..ไม่ได้ร้องสักหน่อย
คยองจะร้องทำไม” คยองซูเชิดหน้าตอบ
แม่หนาวเหน็บแต่ก็ไม่ยกแขนเกาะเกี่ยวลำคอแกร่ง ได้แต่กอดอกเอาไว้
“โอเค ไม่ร้องก็ไม่ร้อง
แต่คืนนี้นายนอนกับฉันก็แล้วกัน ฝนตกแบบนี้ไม้ต้องกลับบ้านหรอก” จงอินเอ่ยขณะที่เดินขึ้นมาบนกระท่อมทำให้คนตัวเล็กเบิกตากว้าง
นอนด้วยกันงั้นหรอ
จะบ้าหรือไง!
“ไม่ คยองจะกลับบ้าน” คยองซูตวาดออกมาอีกครั้งเสียงดัง อารมณ์ในอกเริ่มกรุ่นๆ
นึกฉุนคนตัวสูงเต็มที่ บอกว่าสาวคนอื่นน่ารัก แล้วมาทำแบบนี้กับคยองทำไม!
“อย่าดื้อสิคยองซู นอนนี่แหละ”
จงอินจัดการปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ
เมื่อเท้าถึงพื้นคนตัวเล็กเตรียมตัวจะหมุ่นตัวเองออกจากกระท่อมหลังเล็ก
แต่มีหรือคนอย่างจงอินจะให้พลาดเป็นครั้งที่สอง
คนตัวสูงตวัดเอวบางเขาสู่วงแขนของตัวเองทันที
“ปล่อยนะไค คยองบอกไม่นอนที่นี่ไง”
คยองซูหันหน้ามาสบตากับคนตัวสูงกว่า ใบหน้าเล็กบึ้งตึง
แถมยังยู่ปากงอนอย่างน่ารักอีก
แล้วแบบนี้จะปล่อยไปได้ยังไง!
“นอนที่นี่แหละ นะคยองซู
ฝนตกแล้วเดี๋ยวไม่สบาย เดี๋ยวฉันหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน” เมื่อคนตัวสูงเอ่ยออกมาด้วยเสียงอ่อนโยน
มีหรือคนที่หัวใจอ่อนแอกับคนตรงหน้าอยู่แล้วจะไม่อ่อนตาม
“กะ ก็ได้” คนตัวเล็กยอมแต่โดยดี
มือเล็กดันจงอินออกห่างจากตัวเองเบาๆ
แล้วไปนั่งลงที่กลางกระท่อมรอคนตัวสูงหาเสื้อผ้ามาให้
จากนั้นทั้งสองคนก็หลบมุมแยกกันเปลี่ยนเสื้อผ้า
จงอินปูที่นอนเล็กๆกลางห้องแล้วตบที่นอนเรียกคยองซูให้เข้าไปหา
คนตัวเล็กมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
ถึงจะหลงรักคนตรงหน้า
แต่ใช่ว่าจะยอมง่ายๆหรอกนะ!
“มาเร็วๆ” จงอินเร่งเร้าเมื่อเห็นคนตัวเล็กนั่งนิ่ง
สุดท้ายคยองซูก็ใจง่ายเหมือนเดิม
ผ้าผืนเล็กถูกวางลงบนศีรษะของคยองซู
จากนั้นก็มีมือหนาเช็ดซับเอาความชื้นออกจากเส้นผมนุ่มให้อย่างเบามือ
คยองซูหัวใจเต้นแรงทันที กับสัมผัสที่อ่อนโยนและเอาใจใส่อย่างคาดไม่ถึง
ใบหน้าเล็กขึ้นริ้วสีแดงอย่างน่ารัก
จงอินกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก
เมื่อเห็นลำคอขาวระหงส์จากด้านหลัง
มือที่กำลังเช็ดเส้นผมนุ่มลื่นสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาจำไม่ได้ว่าเขาเคยรู้สึกแบบนี้กับใครหรือเปล่า เคยดูแลทะนุถนอมใครแบบนี้บ้างไหม
แต่ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันชัดเจน ว่าอยากอยู่ใกล้ๆและดูแลเด็กน่ารักคนนี้ตลอดไป
ทั้งคู่เงียบจนได้ยินเสียงสายฝนข้างนอกชัดเจน
ไอเย็นจากระอองน้ำไม่ได้ทำให้รู้สึกเหน็บหนาวสักเท่าไร
เมื่อได้อยู่ใกล้ความอบอุ่นข้างกาย เมื่อผมของคยองซูแห้ง
จงอินจึงเอาผ้าไปตากไว้ที่หน้าต่าง
“นอนสิ” จงอินล้มตัวลงนอน
เห็นคนตัวเล็กยังนั่งอยู่ปลายที่นอนก็อดเอ่ยเรียกไม่ได้
“นอนยังไง ที่นอนเล็กแค่นี้”
คยองซูเอ่ยออกมาแผ่วเบา
ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายยังคงกระหน่ำเต้นไม่ต่างจากสายฝนที่โหม.อยู่ข้างนอก
“นอนได้สิ แบบนี้ไง” จงอินลุกขึ้นและรั้งร่างบางให้มานอนด้วยกัน
แขนแกร่งเกาะเกี่ยวเอวบางไว้อย่างตั้งใจ คยองซูขืนตัวเล็กน้อยแต่จงอินก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแล้วดึงคนตัวเล็กเข้าสู่อ้อมกอด
คนอ่อนเปลี้ยเมื่อโดนความอบอุ่นในกายชายแผ่กระจายมาเล่นงานถึงกับนอนนิ่งทำอะไรไม่ถูก
ไคบ้า
มาทำคนอื่นหัวใจเต้นแรงทำไมกัน!
ลมหายใจสม่ำเสมอที่ลดต้นคออยู่
ทำให้คยองซูรู้ว่าร่างสูงด้านหลังนั้นจมสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
ร่างเล็กค่อยๆพลิกกายหันหน้าเข้าหาคนที่กอดก่ายตัวเองอยู่ช้าๆ
เพราะกลัวทำให้คนข้างๆตื่น
นอนมองใบหน้าหล่อคมอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
จะเอายังไงแน่ จะชอบฮายองแล้วมานอนกอดคยองทำไมกัน ทำไมถึงใจร้ายแบบนี้
รู้ไหมว่าทำแบบนี้มันทำให้คยองเจ็บนะ คนตัวเล็กคิดในใจ น้ำตาก็พาลจะไหลอีกแล้ว
แถมยังนึกโกรธตัวเองที่อ่อนแอ เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ พอคนๆนี้เข้ามา
คยองที่เคยเข้มแข็งก็เปลี่ยนไป
ด้านนอกฝนหยุดตกแล้วทิ้งไว้เพียงความเปียกชื้นปกคลุ่มไปทั่วพื้นที่
และคยองซูที่ยังคงนอนไม่หลับ เพราะคนข้างๆที่กำลังนอนกรนเบาๆ โดยไม่สนใจเลยว่าคยองซูนั้นคิดอะไรอยู่
คนตัวเล็กแงะตัวเองออกมาจากวงแขนแข็งแรง
เปิดประตูเดินออกมาจากกระท่อม เดินเลียบลำธารมาจนถึงน้ำตก
พระจันทร์สีนวลส่องแสงสว่างให้พอมองเห็นบรรยากาศโดยรอบได้อย่างชัดเจน
ไม่หลงเหลือความกลัวอยู่ในหัวใจดวงน้อย เหลือเพียงความสับสน ไม่แน่ใจ
จงอินรู้สึกถึงการขยับกายข้างๆตัว
คนตัวสูงลืมตาขึ้นมาไม่พบร่างบางที่นอนแนบชิดข้างกายก็รีบผุดลุกขึ้น
เดินออกมาดูเห็นหลังไวๆของคยองซูเดินไปตามแนวลำธารจึงเดินตามออกมา
คนตัวเล็กข้างหน้าไม่รู้เนื้อรู้ตัวสักนิดว่าโดนสะกดรอยตาม
แผ่นหลังเล็กสั่นระริกปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำเอาคนตัวสูงใจหาย
ที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้ยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอ!
เขาทั้งรัก
ทั้งทะนุถนอมคนตัวเล็กยิ่งกว่าอะไร แต่ทำไมชอบคิดเองว่าเขาไม่รัก
ว่าเขาจะไปรักคนอื่น แบบนี้มันต้องลงโทษสักที
คนตัวสูงเดินไปสวมกอดคยองซูจากด้านหลัง
พลางเอ่ยกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูเล็ก “ออกมาทำไม เดี๋ยวไม่สบายเอานะ”
คยองซูตกใจพยายามยื้อตัวเองออกมาจากร่างสูงใหญ่แต่เรี่ยวแรงเล็กน้อยหรือจะสู้คนตัวใหญ่กว่าได้จงอินกระชับอ้อมกอดให้แน่ขึ้นไปอีก
“ไค ปล่อยคยองนะ” คนตัวเล็กดุเสียงสั่น แต่มีหรอคนตัวใหญ่กว่าจะฟัง
“ก็บอกมาก่อนสิว่าออกมาทำไม
งอนอะไรฉันเหรอ”
“เปล่าสักหน่อย
แค่อยากออกมาสูดอากาศ” คยองซูโกหกคำโต
เขาไม่ได้อยากออกมาสูดอากาศในเวลาดึกสงัดอะไรแบบนี้หรอก
แต่เขาทนนอนมองหน้าคนทีทำให้เขาสับสนไม่ไหว
“มีไรอะไรบอกกันตรงๆสิคนดี
เราตกลงเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะ” จงอินพยายามกล่อมคนตัวเล็กในอ้อมกอดอย่างใจเย็น
คยองซูเหมือนเด็กน้อยไม่ยอมฟังเหตุผล ชอบคิดเองคนเดียวมากกว่า
คยองซูหมุนกายมาสบตาจงอิน
มองลึกเข้าไปในดวงตาคมเข้มที่สะท้อนเงาตัวเองอยู่ในนั้น “คยองสับสัน คยองไม่แน่ใจ
คยองไม่ชอบ..ไม่ชอบให้จงอินอยู่ใกล้คนอื่น”
“โถ่ เด็กดี นึกว่าเรื่องอะไร”
จงอินลูบผมนุ่มของคยองซูแผ่วเบา กดจูบที่หน้าผากมนอย่างรักใคร่ “ต้องให้บอกกี่ครั้งว่าคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉันคือคยองซู คยองซูคนเดียว
ใครก็มาแทนไม่ได้”
เมื่อได้ยินประโยคหวาน
ริมฝีปากรูปหัวใจก็เผยยิ้มออกมาทันที
คนตัวเล็กโผกอดกายแกร่งอย่างลืมตัวเอาหน้าซบกับอกของจงอินเพื่อซับน้ำตา
ร้องไห้อีกแล้ว
คยองบ้าร้องทำไม!
คนตัวเล็กกรนด่าตัวเองในใจที่อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาซะอย่างนั้น
จงอินผละออกจากร่างบางยกมือไล้ข้างแก้มนวลเพื่อซับน้ำตา
“อย่าร้องไห้อีกนะคยองซู
ฉันไม่อยากเห็นคยองซูเสียใจ ฉันไม่อยากเห็นหัวใจของฉันต้องร้องไห้” พูดจบริมฝีปากหยักได้รูปก็ประทับจุมพิตที่ริมฝีปากเล็กรูปหัวใจเชื่องช้า
แผ่วเบา แต่หวานละมุน
ลิ้นสากไล่ต้อนริมฝีปากเล็กอย่างรอคอยการล่วงล้ำ
ไม่นานลิ้นทั้งสองก็ได้ทักทายหยอกเย้าซึ่งกันและกัน มือหนาไม่เคยหยุดนิ่ง
ไล้ไปมาที่หลังเล็กอย่างลืมตัว
ไม่ต่างกันคยองซูยกแขนกอดคอคนตัวสูงเพื่อพยุงกายที่อ่อนปวกเปียกไม่ให้ล้มพับลงไปกับพื้น
CUT SCENE...{2}
CUT SCENE...{2}
“ฉันต้องการนายคยองซู” จงอินดันหลังคนตัวเล็กไปติดกับต้นไม่ใหญ่ไม่ไกลจากตรงนั้น
จูบซับริมฝีปากเล็กคลอเคลีย บดเบียดร่างกายแนบชิดกันไปทุกช่วงของร่างกาย
มือหนาไล้ลงต่ำบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงอย่างเบามือ
เด็กน้อยไม่ประสาเรื่องความรักครางฮือออกมาจากลำคอทันทีที่ถูกเคล้นคลึง
มือเล็กขยำเสื้อคนตรงหน้าแน่นเพื่อระบายอารมณ์หวาม
ความรู้สึกบางอย่างเดือดพล่านไปทั่วกาย เผยอปากจูบตอบจงอินอย่างเร่าร้อน
จงอินจับมือเล็กที่ขยุมเสื้อเขาไว้มาวางบนไหล่แกร่งของตัวเอง
ล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อตัวบางลากผ่านยอดอกอย่างหยอกเย้า
ละจูบแสนเร่าร้อนลงมาดูดกลืนความหวานแถวซอกคอและลาดไหล่เล็ก
อารมณ์ชายพุ่งพล่านแทบห้ามตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ริมฝีปากหยักจาบจ้วง
ดูดกลืนผิวเนื้อเนียนละเอียดของร่างบอบบางวัยแรกแย้มอย่างกระหาย
คยองซูครางอื้อออกมาอีกครั้งอย่างรัญจวนเมื่อถูกปลุกเร้าทั้งสองทาง
ขาเล็กแทบไม่เหลือแรงเพื่อยืน
มีเพียงแขนแกร่งข้างหนึ่งเท่านั้นที่ยึดกายเล็กเอาไว้แน่น
“เป็นของฉันนะคยองซู” เสียงแหบพร่าถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากที่ระดมจูบไล้ซอกคอขาว
มือข้างหนึ่งเร่งเล้าที่ยอดอกคล้ายเร่งคำตอบจากริมฝีปากหวานที่บวมเจ่อจากพิษของรสจูบ
จงอินละจูบออกมาสบดวงตาหวานเยิ้ม
ส่งสายตาเว้าวอนไปให้ “นะคนดี”
เสียงทุ้มแหบพร่าไม่ต่างจากเดิมทำให้หัวใจคยองซูอ่อนยวบยาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
คนตัวเล็กยังคงนิ่งหัวสมองไม่ประมวลผลสิ่งใด มีเพียงความว่างเปล่าขาวโพลน
ชายหนุ่มไม่รอฟังคำตอบก้มหน้าลงบรรเลงบทรักต่อไปอย่างอดทนไม่ไหว
ก้มสูดกลิ่นกายหวานครั้งแล้วครั้งเล่า
ขยับบดเบียดความตึงเครียดใหญ่โตเสียดสีกับความคับแน่นของอีกคนจึงรู้ว่าคยองซูก็ต้องการไม่แพ้กัน
“อืม”
เสียงครางเย้ายวนดังลอดริมฝีปากเล็กออกมาเมื่อความคับแน่นกลางลำตัวถูกเสียดสี
จงอินจัดการกับเสื้ออันเกะกะออกไปทันที ก้มลงดูดกลืนยอดอกแผ่วเบา
เด็กน้อยยังคงครางอย่างต่อเนื่องไม่เป็นภาษา อารมณ์อึดอัด
ซาบซ่านอัดแน่นในกายบางรอคอยการปะทุที่เร่าร้อน
คยองซูเชิดหน้ากัดริมฝีปากเล็กแน่นระบายความความวาบหวิวโหมกระหน่ำ
มือเล็กจิกลงที่แผ่นหลังกว้าง ความรู้สึกในร่างกายโบยบินลุกหือ
ไม่นานนักกางเกงตัวบางก็ถูกกระชากออกไป
จงอินสอดแทรกนิ้วร้อนระอุรุกรานอย่างหนักหน่วง คยองซูผวาเฮือกกอดกายแกร่งไว้แน่น
ความเจ็บปวดเล็กน้อยแล่นปราดไปทั่วกาย
“คะ ไค อ้า” เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างเว้าวอน
จงอินจูบซับขมับคนตัวเล็กเป็นการปลอบโยน หยุดทรมานเด็กน้อยด้วยนิ้วร้อนแล้วจัดการถอดกางเกงของตัวเองออกจากเอวสอบทันที
มือหนาจับขาเรียวยกขึ้น
แล้วสอดแทรกความเป็นชายใหญ่โตคับแน่นเข้ารุกรานกลางกายบอบบาง
คยองซูเบิกตากว้างเพราะความเจ็บปวดราวกับร่างจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ
น้ำตาหยดใสไหลออกมาจากดวงตาหวาน จิกมือเขากับแผ่นหลังแกร่งเพื่อระบายอารมณ์
“คยองซู ฉันขอโทษ
ฉันจะทำให้เบาที่สุดนะ” คยองซูกัดฟันแน่น
อดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกะทันหัน
คนตัวสูงเห็นดังนั้นจึงก้มลงจูบซับริมฝีปากเล็กอย่างปลอบโยน
มือหนาไล้คลึงสะโพกนุ่มนิ่มแผ่วเบา ละริมฝีปากจากกลีบปากหวาน อุ้มร่างกายเล็กขึ้น
เอาขาเล็กมาเกี่ยวเอวสอบไว้ แล้วค่อยๆพุงทะยานท่วงทำนองเพลงรักไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าและระมัดระวัง
ริมฝีกปากหยักก้มลงดูดกลืนยอดอกสีหวานอีกครั้ง
ชักจูงให้คนตัวเล็กลืมความเจ็บปวดเบื้องล่างด้วยความรู้สึกวาบหวิว
คยองซูผ่อนคลายและครางแผ่วเบาออกมาอย่างพอใจ
ขณะที่ความเป็นชายค่อยๆแทรกลึกเข้าไปในกายเล็กโดยที่คยองซูไม่รู้ตัว
เมื่อถึงปลายทางจงอินครางอึ้มในลำคออย่างต้องการระบายอารมณ์อึดอัด
ความรัดแน่นตอดรัดเขาจนไม่สามารถขยับกายได้
เพราะกลัวว่าพายุแห่งอารมณ์จะถูกปลดปล่อยออกมา
ใบหน้าคมคายยกขึ้นสบกับดวงตาเล็กที่ฉ่ำเยิ้ม
คยองซูยกแขนโอบรอบคอของจนอินไว้แน่นซบหน้าลงกับลาดไหล่หนาอย่างรักใคร่
เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้คนตัวสูงพร้อมจะบุกตะลุยไปข้างหน้า
ในเมื่อคนตัวเล็กมอบความไว้วางใจให้เขาขนาดนี้
จงอินโอบอุ้มกายเล็กและขยับเชื่องช้า
และค่อยๆเร็วขึ้นตามความต้องการส่วนลึกของร่างกาย
คยองซูครางออกมาแทบไม่เป็นภาษาเมื่อถูกรุกล้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
ความอัดแน่นตึงเครียดเดินทางมาจนถึงจุดสูงสุดเตรียมตัวปลดปล่อยคยองซูผวาเฮือก
ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วทุกอณูของร่างกาย
คนตัวสูงเผลอหลุดถอนหายใจออกมาแผ่วเบาเมื่อได้ปลดปล่อยความร้อนรุ่มในกายออกไป
จงอินกอดกระชับร่างเล็กไว้แนบอก รู้สึกถึงเรี่ยวแรงที่อ่อนยวบของคนตัวเล็ก
คยองซูคงหมดแรงและฟุบหลับคาอกเขาไปแล้ว
คนตัวสูงจูบซับขมับเล็กแผ่วเบา ความรักความห่วงใยอัดแน่นในอก
จงอินยิ้มบางๆออกมาคนเดียวลูบหลังเนียนไปมาอย่างปลอบโยน
“ฉันรักคยองซูนะ” และคนตัวเล็กที่ยังหลับไม่สนิท แต่เพียงแค่เพลียเท่านั้นได้ยินมันชัดเต็มสูงหู
ริมฝีปากเล็กเผยยิ้มออกมาอย่างสุขใจ ค่อยยืดกายที่ฟุบพิงคนตัวสูงอยู่ขึ้น
สบตาคมด้วยแววตาหวานฉ่ำ
“คยองก็รักไค ไคอย่าทิ้งคยองนะ”
จงอินยิ้มหวานให้คนในอ้อมกอด กดจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา
“ฉันขอสัญญาด้วยชีวิต”
อ่านแล้วกลับไปเม้นให้ไรท์เตอร์ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น