{CUT} Heartless ดวงหทัยไร้รัก ๗๓ (chanbaek)
๗๓
ราตรีเจิดจ้า
วรองค์บอบบางของกษัตริย์ตัวน้อยๆ ถูกวางลงบนพระแท่นกว้างอย่างนุ่มนวล
ดวงเนตรคมที่กวาดมองไปทั่วพระพักตร์หวานเต็มไปด้วยความแพรวพราวปะปนไปด้วยความกระหายใคร่อยากในบางสิ่ง
พาลให้ผิวปรางนวลสุกปลั่ง ดวงหฤทัยน้อยๆ สั่นไหวจนรู้สึกวาบในอก
“รังแกพระราชาถือว่าเป็นกบฏ”
แม้จะอ่อนระทวยเพียงใดกับสายตาเย้ายวนคู่นั้น แต่เบตัลก็เอ่ยออกมาด้วยสุรเสียงท้าทายเหลือล้น
เพราะเขารู้ธรรมชาติของมนุษย์ดีว่าสิ่งใดที่ถือว่าเป็นเรื่องผิดบาปมันช่างหอมหวานยิ่งนัก
อะไรที่ว่าต้องห้าม ผู้คนมากมายกลับขวนขวายที่จะกระทำ
“กบฏรักกระมัง” ชาร์ลอตต์เอ่ยช้าๆ อย่างไม่หวั่นเกรง
ดวงเนตรคมเหลือบมองริมพระโอษฐ์บางเรื่อที่กำลังคลี่ยิ้มร้าย ก่อนจะโน้มหน้าลงไปทำท่าว่าจะจูบ
แต่เมื่อเบตัลเชิดหน้าขึ้นมาตอบรับเขาก็ผละออกเสียอย่างนั้น
“ที่แท้ก็อยากถูกกบฏรังแก” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มเย้ยๆ
ก่อนจะหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ยามแกล้งคนตัวเล็กได้ เบตัลจึงไม่รอให้คนตัวโตกว่าได้ใจไปได้มากกว่านี้
วรองค์เล็กบางรวบรวมกำลังทั้งหมดพลิกตัวเองขึ้นคร่อมองค์ชายรัชทายาทแห่งโบซีเวียอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะโน้มพระพักตร์ลงไปจนพระนาสิกแตะกัน
“ริจะเป็นกบฏก็ต้องถูกลงโทษ”
สิ้นคำ
พระโอษฐ์บางเรื่อก็พรมจูบลงบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างหยอกเย้า
ก่อนจะหยุดลงที่ริมฝีปากหยักอิ่ม กลีบเนื้ออันแสนนุ่มนวลบดขยี้ความรักอันเร่าร้อนลงไปเชื่องช้าทว่าหนักหน่วง
ก่อนปลายลิ้นเล็กจะไล่เลียและลอดเข้าไปด้านในอย่างฮึกเหิม
ร่างน้อยสั่นสะท้านนิดๆ ยามพระหัตถ์หนาช่ำชองไล่โอบไปบนบั้นพระองค์แบบบางแผ่วเบา
ก่อนจะเฟ้นขยำสะโพกนุ่มนิ่มอย่างไม่ปราณี
สร้างความรู้สึกวาบไหวให้เกิดขึ้นในวรกายได้อย่างประหลาด
กระแสบางอย่างวิ่งวุ่นไปทั่วสรรพางค์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
พระโอษฐ์น้อยๆ ของกษัตริย์แห่งบาร์กผละจูบออกมา ก่อนจะสบมองใบหน้าของกบฏใต้ร่างด้วยสายตาเย้ายวน
จากนั้นพระพักตร์หวานก็โน้มลงไล้เนื้อริมฝีปากนุ่มนวลไปบนซอกคอแข็งแกร่งช้าๆ
ก่อนจะขบและดูดเบาๆ จนได้ยินเสียงครางในลำคอทุ้มต่ำดังลอดออกมา
“กบฏจะไม่อ้อนวอนขอชีวิตหน่อยหรือ”
เจ้าตัวน้อยเอ่ยขึ้นพลางหยัดวรกายขึ้นทอดมองใบหน้าคมคายที่เต็มไปด้วยอารมณ์ด้วยแววยียวนร้ายกาจ
จนเจ้ากบฏตัวโตที่ถูกจ้องเผลอยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
ทำไมถึงได้ร้ายขึ้นอย่างนี้ ใครกันเป็นคนสอน!
“กบฏผู้นี้รู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ที่อยากจะกลืนกินพระราชาเข้าไปทั้งตัว
กบฏผู้นี้จึงยอมมอบกายถวายชีวิต สุดแล้วแต่พระราชาเถิดว่าจะกระทำการใด”
สิ้นถ้อยคำจำนนนั่น นิ้วพระหัตถ์เรียวก็แหวกเสื้อนอกตัวหนาของกบฏผู้สูงศักดิ์ออก
ก่อนจะเคลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อตัวในที่ละเม็ดๆ อย่างไม่เร่งรีบคล้ายรอให้ไฟราคะค่อยๆ
โหมขึ้น
ก้นนุ่มบดเบียดเบาๆ
อยู่กับหน้าท้องแข็งแกร่งพาลให้องค์รัชทายาทแห่งโบซีเวียร้อนรุ่มขึ้นจนแทบทนไม่ไหว
แต่เขาอยากปล่อยให้เจ้าตัวน้อยได้เป็นฝ่ายนำดูบ้าง อยากจะรู้เหลือเกินว่าจะเก่งไปได้สักกี่น้ำกัน
เมื่อกระดุมถูกปลดเปลื้องออกจากรังจนหมด
สาบเสื้อตัวในก็ถูกแหวกออกอย่างรวดเร็ว
ก่อนพระพักตร์งดงามจะโน้มลงปรนเปรอแผ่นอกอันแสนอบอุ่นด้วยพระโอษฐ์อย่างไม่เร่งรีบ
ปลายลิ้นร้อนเปียกชื้นไล่เลียไปจนทั่ว ก่อนประทับรอยจูบหนักหน่วงหลายจุด
จนเกิดเป็นร่องรอยสีแดงจางๆ
การกระทำนั้นสร้างความรู้สึกวูบวาบให้องค์ชายรัชทายาทแห่งโบซีเวียได้เป็นอย่างดี
พระหัตถ์หนาจึงเคลื่อนไปลูบกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา ก่อนจะต้องกระตุกเกร็งอย่างยับยั้งตัวเองเอาไว้
เมื่อริมฝีปากเล็กๆ ครอบครองยอดอกของเขาเอาไว้อย่างไม่ปราณี
กษัตริย์ตัวน้อยๆ ทั้งดูทั้งกัด แถมยังใช้ลิ้นเลียวนอยู่บนนั้นนานสองนาน
กว่าจะผละออกมาแล้วไล้ปลายพระนาสิกต่ำลงไปจนน่าใจหาย
เบตัลจ้องมองหน้าท้องกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเรียงสวยที่อยู่ชิดใบหน้าด้วยแววตากระหายนิดๆ
ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากด้วยท่าทางเย้ายวน
อยากนั้นก็ใช้มันลากไปบนร่องกล้ามแผ่วเบา
ชาร์ลอตต์กระตุกหดหน้าท้องแทบไม่ทันยามโดนรุกเร้า
เจ้าตัวน้อยที่เขาเคยคิดว่าเป็นเด็กในวันวาน ตอนนี้โตขึ้นมากแล้วจริงๆ
มากจนทำให้เขาแทบจะบ้าคลั่งอย่างคนเสียสติอยู่ตอนนี้
“อืม” เสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นด้วยความรัญจวน ดวงเนตรคมหลับลงช้าๆ
ก่อนพระพักตร์หล่อเหลาซึ่งเปี่ยมไปด้วยแรงอารมณ์จะเชิดขึ้นอย่างอดไม่อยู่
ทำไมเด็กน้อยของเขาถึงได้เก่งอย่างนี้...
เมื่อได้ยินเสียงครวญครางอันนาพอใจ เจ้าตัวน้อยก็ผละออกมา
ก่อนจะไล้มือไปบนแผ่นอกกำยำเพื่อจุดไฟร้อนให้กระพือหนักยิ่งขึ้น
ร่างน้อยถดขึ้นไปแล้วมอบจุมพิตหวานที่ริมฝีปากหยักอิ่มเพื่อปรนเปรอชายอันเป็นที่รักอีกครั้ง
ก่อนตรัสถามทั้งๆ ที่ริมฝีปากยังไม่ละออกจากกัน
“กบฏไม่คิดสู้หน่อยหรือ” มือใหญ่ที่กำลังบีบเคล้นไปทั่วทั้งเนื้อทั้งตัวของเขา
ทำให้ร่างทั้งร่างอ่อนระทวยจนแทบจะทำสิ่งใดไม่ไหว
วรองค์น้อยจึงทิ้งทาบทับร่างใหญ่โตเอาไว้เสียอย่างนั้นแล้วมอบจูบแสนหวานให้แก่คนที่อยู่เบื้องล่างแทน
“ว่าจะยอมแล้วเชียว อย่างนี้คงต้องสู้เสียหน่อย” สิ้นคำ ร่างน้อยก็ถูกพลิกให้กลับไปอยู่ที่ด้านล่างอีกครั้งอย่างนุ่มนวลทะนุถนอม
ก่อนวรองค์ใหญ่โตจะสอดตัวเองลงระหว่างเรียวขาทั้งสองข้างของกษัตริย์ตัวน้อยๆ ทันที
ร่างทั้งสองร่างแนบทาบสนิทจนไม่เหลือช่องว่างใดๆ
ก่อนจะขยับบดเบียดเสียดสีกัน ในขณะที่ริมฝีปากยังคงขยับคลอเคลียอยู่อย่างนั้น
อวัยวะที่แข็งจัดของคนทั้งคู่ถูไถกันช้าๆ พาลให้อารมณ์กระสันพวยพุ่งขึ้น
“อื้อ” เจ้าตัวน้อยครางผะแผ่ว เมื่อร่างใหญ่โตที่อยู่ด้านบนละริมฝีปากออกไปแล้วจัดการะถอดฉลองพระองค์ทั้งสองตัวทิ้งไว้ข้างเตียงจนท่อนบนเปลือยเปล่า
ดวงเนตรหวานฉ่ำนิดๆ จ้องมองวรกายกำยำสมชายชาตินักรบนั้นด้วยแววตาหลงใหล
ยิ่งเห็นรอยสีแดงจางๆ ที่ตนทำทิ้งไว้ ยิ่งรู้สึกกระหยิ่มในอกอย่างอดไม่อยู่
คนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นของเขา เป็นของเบตัลแต่เพียงผู้เดียว
“เหตุใดพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ถึงได้ตัวอ่อนเช่นนี้เล่า”
เจ้ากบฏจอมเจ้าเล่ห์เอ่ยถามด้วยสายตาแพรวพราว ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบซอกคอขาวแรงๆ
อย่างหยอกเย้า
“ก็พระราชาสู้กบฏไม่ไหวนะซี” เบตัลเอ่ยตอบเสียงหวาน
ก่อนจะรั้งพระพักตร์หล่อเหลามาจูบที่หน้าผากเบาๆ ด้วยความรัก
ชาร์ลอตต์ยิ้มละมุนละไม
ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดกระดุมฉลองพระองค์ของกษัตริย์แห่งบาร์กออก จนเมื่อผืนอาภรณ์นั้นแยกจากกัน
แผ่นอกเปลือยเปล่าแถมขาวนวลเนียนก็ปรากฏแก่สายตา
“ถ้าพระราชาสู้กบฏไม่ไหว พระราชาก็ต้องยกทุกอย่างให้กบฏแล้วล่ะ” ชาร์ลอตต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พลางกวาดสายตามองไปทั่วเนื้อตัวขาวผ่อง
“แล้วเจ้ากบฏอยากได้สิ่งใด” เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามอย่างไม่เกรงกลัว
ก่อจะเผยยิ้มท้าทายแล้วเอื้อมพระหัตถ์ขึ้นไล้ที่ข้างแก้มกบฏตัวโตช้าๆ
“อยากได้นี่..” ชาร์ลอตต์แตะนิ้วชี้ลงบนพระโอษฐ์บางเรื่อ
ก่อนจะลากต่ำลงมาไปซอกคอระหงแผ่วเบา..
“แล้วก็อยากได้นี่..” จากนั้นนิ้วยาวก็ลากต่ำลงมาจนสะกิดผ่านยอดถันสีอ่อนจนร่างน้อยสะดุ้งเฮือกเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเพราะทนความกระสันซ่านไม่ไหว
“อยากได้นี่ด้วย...” ยังไม่จบเพียงเท่านั้น แต่ทว่าจากปลายนิ้วก็เปลี่ยนเป็นปลายพระนาสิกโด่งจัดที่โน้มแตะลงที่หน้าท้องเนียนละเอียด
ก่อนจะลากต่ำลงไปยังเนื้อผ้าฉลองพระองค์กางเกงแล้วใช้ริมฝีปากจูบเบาๆ ลงบนอวัยวะที่แข็งขืนของพระราชาตัวน้อย
ก่อนจะจับท่อนขาเรียวให้ชันขึ้น พลางซุกปลายจมูกคลอเคลียอยู่ตรงนั้น
“อยากได้นี่ด้วย”
เบตัลตัวสั่นไปด้วยความเสียวซ่านสุดหัวใจ
พระหัตถ์เรียวจิกเนื้อผ้าปูพระแท่นแน่น พลางหลับตาลงสนิท
ดวงหฤทัยในพระอุระวูบไหวอย่างบ้าคลั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ลมหายใจที่เคยเป็นปกติก็ติดขัดขาดห้วงไปหมด ราวกับจะตายเสียให้ได้
“กบฏอยากได้ทั้งหมดนี่ พระราชาจะยอมให้ไหม”
ชาร์ลอตต์เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถาม ก่อนจะยกยิ้มพอใจเมื่อเห็นท่าทางเกร็งจัดของคนตัวเล็ก
“พระราชาจะขาดใจตายอยู่แล้ว” สิ้นคำ เจ้าตัวน้อยก็หยัดกายขึ้นมาปลดกระดุมกางเกงให้เจ้ากบฏตัวโตอย่างเร่งรีบ
จนเมื่ออาภรณ์ทั้งสองชิ้นถูกสลัดหลุดจากท่อนขากำยำไป เบตัลก็ถอดเสื้อทั้งสองตัวที่แสนเกะกะของตัวเองเหวี่ยงลงที่ข้างเตียง
โดยมีชาร์ลอตต์เป็นคนปลดเปลื้องสิ่งที่ขวางกั้นความงดงามของเจ้าตัวออกให้
และเมื่อร่างกายคืนสู่แรกเริ่มแห่งการมีตัวตนอีกครั้งดั่งเช่นมนุษย์ที่เกิดมาไร้ซึ่งสิ่งใดติดตัว
ทั้งสองร่างก็ตะโบมเข้าหากันอย่างเร่าร้อน ความเปลือยเปล่านั้นบดขยี้และเสียดสีใส่กันอย่างไม่มีใครปราณีใคร
อารมณ์หวามพลุ่งพล่านขึ้นจนกักเก็บไม่ไหวอีกต่อไป
องค์ชายรัชทายาทแห่งโบซีเวียจับเรียวขาเล็กพาดไว้กับท่อนแขนแข็งแรงของตนเอง
ก่อนจะจ่ออวัยวะที่แข็งจัดกึ่งกลางวรกายลงไปที่ช่องทางรักซึ่งกำลังเต้นตุบๆ
ด้วยความต้องการที่กลืนบางสิ่งบางอย่าง ปลายหัวของมันถูกจับวนรอบปากทางอย่างหยอกเอิน
จนเมื่อกษัตริย์แห่งบาร์กครางอื้อด้วยความขัดใจ เขาจึงส่งมันเข้าไปด้านในอย่างมิอาจหักห้าม
แท่งร้อนจัดเคลื่อนผ่านช่องทางที่ตอดตุบๆ เข้าไปช้าๆ
อย่างไม่ยากลำบากนักเพราะคุ้นชินกันเป็นอย่างดี
จนเมื่อสุดทางเขาก็แช่ไว้อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะเอื้อมพระหัตถ์ไปซับหยาดเหงื่อออกจากใบหน้าหวานให้อย่างเอาใจใส่
แต่ทว่าความแนบแน่นที่ตอดรัดทำให้เขาอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป สะโพกแข็งแรงจึงขยับเคลื่อนเบาๆ
เพื่อพาร่างน้อยไปให้ถึงฝั่งฝันที่ตั้งใจเอาไว้
และเบตัลก็ให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี เจ้าตัวน้อยแอ่นบั้นพระองค์สู้ ราวกับว่าต้องการจะไปให้ถึงวิมานชั้นฟ้าเช่นเดียวกัน
“อ๊ะ อ๊ะ อา” เสียงครางที่ไม่แม้จะคิดกักเก็บดังระงมห้องกว้าง
คลอเคลียไปกับเสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นเป็นระยะ
ร่างทั้งสองสั่นสะท้านไปด้วยแรงอารมณ์ที่ล้นจนแทบจะทะลัก
อากาศที่เย็นจัดในยามค่ำคืนแห่งเมืองกลางขุนเขาไม่สามารถสร้างความหนาวเหน็บให้แก่คนทั้งคู่เลยแม้สักนิด
รอบวรกายทั้งสองโอบล้อมไปด้วยไออุ่นเบาบาง และเสียงครวญครางด้วยความทรมานคลอเคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะถี่กระชั้น
พระหัตถ์หนาจับยึดสะโพกนุ่มเอาไว้เมื่อความรู้สึกเสียวซ่านทวีความรุนแรงขึ้น
จนเขาต้องกัดฟันแน่นแล้วเร่งความเร็วในการขยับสอดประสานให้เร็วกว่าเดิมเพื่อจะจับจูงร่างน้อยที่แสนรักขึ้นไปบนท้องนภาที่เต็มไปด้วยดวงดาราอันพร่างพราว
เบตัลกัดฟันแน่นพร้อมทั้งครางระงมอย่างไม่นึกอายใดๆ
เส้นพระเกศานุ่มสลวยสะบัดไปตามแรงโยกโคนอย่างน่ามอง
วรกายบอบบางแดงซ่านไปทั้งเนื้อทั้งตัว
ดวงพระพักตร์หวานเหยเก้และดูทุรนทุรายจนองค์ชายแห่งโบซีเวียอดไม่ได้ที่จะเร่งตัวเอง
จนสุดท้ายความอึดอัดรัดแน่นทั้งหมดก็ถูกปลดปล่อยออกมา
หยาดน้ำแห่งความรักพวยพุ่งเต็มช่องทางรักจนล้นทะลัก ก่อนที่ร่างกายแกร่งกำยำจะทิ้งลงทาบทับกับวรองค์บางน่าทะนุถนอมจนแนบสนิท
พระราชาตัวน้อยหอบสะท้านอยู่นานสองนาน ก่อนจะเอื้อมพระหัตถ์มากอดกบฏตัวโตเอาไว้แน่น
แล้วซุกพระพักตร์ลงกับแผ่นอกที่ชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ
แต่กระนั้นมันช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน
“พระราชาเป็นของกบฏแล้ว กบฏจะทิ้งพระราชาไม่ได้นะ” เจ้าตัวน้อยเอ่ยเสียงหวาน
พลางใช้นิ้วพระหัตถ์เขี่ยปลายจมูกโด่งเล่นอย่างซุกซน
“กบฏทิ้งพระราชาไม่ได้หรอก
เพราหัวใจของกบฏคนนี้อยู่ในกำมือของพระราชาหมดแล้ว” ชาร์ลอตต์เอ่ยตอบเสียงพร่า
ก่อนจะกดจูบแรงๆ บนริมฝีปากเจ่อนิดๆ ด้วยความรักและเสน่หาสุดหัวใจ
“ถ้าอย่างนั้นกบฏทำตามที่ราชาต้องการได้ไหม” ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่โทรมไปด้วยหยาดเหงื่อด้วยแววพราวระยับ
“พระราชาต้องการสิ่งใดเล่า” ชาร์ลอตต์เอ่ยถาม
พลางใช้นิ้วยาวไล้ไปบนแก้มแดงๆ ของพระราชาตัวน้อย
“ทำอีก รังแกพระราชาอีก จนกว่าพระราชาจะหมดแรงหลับไปเอง” สิ้นคำ
ริมฝีปากทั้งสองก็แย้มยิ้มอย่างมีความสุข แล้วเคลื่อนเข้าหากันอย่างรวดเร็วเนิ่นนาน
ก่อนบทเพลงแห่งรักอันแสนร้อนแรงจะโหมขึ้นท่ามกลางความหนาวเหน็บกลางขุนเขา
ซ้ำแล้ว...ซ้ำเล่า...จวบจนทิวาใกล้สาง
...
ตอนนี้ยังไม่จบน้า มีของเซนและฮันนาต่อ อย่าลืมกลับไปอ่านนะคะ
อย่าลืมคอมเมนต์ + สกรีมเป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า เราจะได้รู้ว่าตัวเองแต่งออกมาเป็นยังไง ขอบคุณล่วงหน้าฮับ ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น